คุณวิเศษของการทำสมาธิ: ชีวิตใหม่ห่างไกลโรคซึมเศร้า
ก่อนอื่นขอแนะนำ..อ.ดร. วรุณธร เชื้อบุญมี ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จากสถาบันพลังจิตตานุภาพสาขาที่ 177 วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งได้นำเอาประสบการณ์มาถ่ายทอดเป็นวิทยาทาน ซึ่งใครที่เปิดอ่านและรับฟังอยู่ขณะนี้นับเป็นคนที่โชคดีในชีวิตอย่างมาก เราไปฟังกัน...
" ดิฉันเคยพบช่วงชีวิตที่ยากลำบากอย่างแสนสาหัส เคยล้มป่วยด้วยอาการร่างกายเคลื่อนไหวผิดปกติและเป็นโรคซึมเศร้าชนิดรุนแรงจนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่สามารถผ่านพ้นมาได้และมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น ก็เพราะผลของการปฏิบัติสัมมาสมาธิตามแนวทางของพระพรหมมงคลญาณ วิ. (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2554 ช่วงเรียนปริญญาเอกปีสุดท้ายที่ประเทศออสเตรเลีย ดิฉันเคร่งเครียดและเร่งทำงานวิจัยอย่างหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อนเนื่องจากเป็นนักเรียนทุนจึงจำเป็นต้องเรียนจบในปีการศึกษานั้นให้ได้ ผลที่เกิดขึ้นคือได้ป่วยด้วยอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ คือมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งทั่วร่างกาย จากนั้น แขน ขาจะขยับเคลื่อนไหวเอง บังคับให้หยุดไม่ได้ คุณหมอหาสาเหตุไม่พบจึงรักษาตามอาการ ดิฉันต้องกินยาควบคุมการเคลื่อนไหวนานนับปี สิ่งที่ตามมาคือ มีอาการผิดปกติทางสมอง กลายเป็นคนคิดช้าตอบสนองช้า จึงส่งผลกระทบอย่างหนักต่องานที่ทำ ดิฉันเป็นครูแต่สอนนักศึกษาแทบไม่ได้ ต้องแอบไปนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวเป็นประจำ ซ้ำร้ายได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าชนิดรุนแรง อาการทรุดหนักอย่างรวดเร็วถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย แต่ครอบครัวช่วยไว้ได้ทันและถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช ในขณะนั้นชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น หลังจากรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาการของโรคซึมเศร้าทุเลาลง แต่บ่อยครั้งที่คุมอารมณ์ไม่ได้ ไม่มีสติ อาการเคลื่อนไหวผิดปกติก็พร้อมจะกำเริบตลอดเวลา ด้านสติปัญญาก็เสื่อมถอยลงไปมาก คิดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้กลับไปเป็นปกติเหมือนเมื่อตอนก่อนป่วยอีกแล้ว
ดิฉันพยายามหาวิธีรักษาโรคเพิ่มเติมโดยมีคนรู้จักแนะนำให้ทำสมาธิ อีกทั้งยังพบงานวิจัยที่นำเสนอว่าการทำสมาธิสามารถรักษาโรคบางอย่างและสามารถพัฒนาการทำงานของสมองได้ จึงสนใจและอยากปฏิบัติสมาธิอย่างจริงจังตามแนวทางที่ถูกต้อง และแล้วก็เหมือนธรรมะจัดสรร เมื่อปี พ.ศ. 2559 สถาบันพลังจิตตานุภาพสาขาที่ 177 วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ได้เปิดสอนหลักสูตรวิทันตสาสมาธิรุ่นที่ 6 ซึ่งเป็นปีแรกของสาขาและเรื่องบังเอิญคือห้องที่ใช้เรียนสมาธิก็อยู่ใกล้กับห้องทำงานมาก เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง จึงได้สมัครเรียนและปฏิบัติสัมมาสมาธิตามแนวทางของพระอาจารย์หลวงพ่ออวิริยังค์ สิรินฺธโร นับแต่นั้นเป็นต้นมา ในการเรียนสมาธินั้นพระอาจารย์หลวงพ่อได้เมตตาวางเนื้อหาไว้เป็นระบบเป็นขั้นตอน ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ เรียนรู้ตั้งแต่วัตถุประสงค์ของการทำสมาธิที่แท้จริงคือเพื่อผลิตและสะสมพลังจิต รู้จักการเตรียมความพร้อมก่อนทำสมาธิ เข้าใจว่าการบริกรรม เช่น “พุทโธ” มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ทราบขั้นตอนการดำเนินสมาธิ ข้อควรระวังต่างๆ อีกทั้งได้เดินจงกรมและนั่งสมาธิทั้งในห้องเรียนและกลับไปปฏิบัติที่บ้าน ตัวดิฉันเองที่แม้จะไม่มีพื้นฐานการทำสมาธิมาก่อนก็เข้าใจและปฏิบัติตามได้ไม่สับสน
เป็นเรื่องน่ายินดีมากเมื่อปฏิบัติสมาธิอย่างต่อเนื่องได้ระยะหนึ่ง อาการของโรคซึมเศร้าดีขึ้นอย่างชัดเจน มีสติ ควบคุมอารมณ์ได้ดี มีจิตใจที่เบิกบานมาก จึงได้ปรึกษาคุณหมอเพื่อหยุดกินยาต้านซึมเศร้า นอกจากนี้อาการร่างกายเคลื่อนไหวผิดปกติก็หายไป สอดคล้องกับที่พระอาจารย์หลวงพ่อเมตตาอธิบายว่า ความเคร่งเครียดจากการงาน การใช้งานสมองมากเกินไปและการที่อารมณ์ไม่ได้ถูกกลั่นกรองจะทำให้เกิดคลื่นและการสั่นสะเทือนของสมองอย่างหนักหน่วง สมองจะเสื่อมสภาพเร็ว โดยสมาธิจะช่วยกรองอารมณ์และชะลอคลื่นและการสั่นสะเทือนของสมองได้ ดังเช่นที่ดิฉันเคร่งเครียดกับการเรียน การทำงานและชีวิตมากจนเกินไป ทำให้สมองล้าเสื่อมสภาพ สั่งการและควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายไม่ได้ แต่เมื่อทำสมาธิแล้วสมองกลับมาทำงานปกติอาการดังกล่าวจึงหายไป
แต่อย่างไรก็ตามในการดำเนินชีวิตมีบางช่วงที่ต้องเผชิญกับปัญหาหรือทำงานหนักเกินไปจนตั้งตัวไม่ทัน อาการของโรคทั้งสองก็มีแนวโน้มกำเริบขึ้น แต่ดิฉันก็สู้โดยทำสมาธิในแต่ละวันบ่อยครั้งขึ้นเพิ่มเติมจากที่ทำเป็นปกติ และไปปฏิบัติสมาธิเป็นหมู่คณะ เช่น นิรสาสมาธิ (วันพระ) ที่วัดธรรมมงคล สมาธิสัญจรที่วัดเทพเจติยาจารย์ หลังจากนั้นก็สามารถระงับอาการได้และกลับเป็นปกติ นับถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ปีแล้ว ที่ดิฉันได้ใช้สมาธิได้ใช้พลังจิตที่ถูกสร้างขึ้นเป็นธรรมโอสถมาโดยตลอดและไม่เคยกลับไปกินยารักษาอาการของโรคทั้งสองอีกเลย! และเพื่อความไม่ประมาทดิฉันพยายามคลุกคลีกับการทำสมาธิ เช่น ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับนักเรียนสมาธิรุ่นต่อๆมา ไปช่วยงานด้านการสอนและอบรมสมาธิของฝ่ายวิชาการหลักสูตรวิทันตสาสมาธิ เป็นต้น ดิฉันตั้งใจมากกับการช่วยงานของสถาบันฯ เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือตนเองแล้ว ยังเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อพระอาจารย์หลวงพ่อ โดยการสืบสานงานของพระอาจารย์ และมีโอกาสได้ทำบุญโดยมีส่วนช่วยให้ผู้อื่นได้ทำสมาธิ
นอกจากนี้เมื่อดิฉันปฎิบัติสมาธิอย่างต่อเนื่องพบว่าความจำและสติปัญญาที่เสื่อมถอยไปก็กลับมามีประสิทธิภาพจนน่าอัศจรรย์ใจ มีความคิดที่รวดเร็ว เฉียบคม คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ซึ่งส่งผลดีเยี่ยมต่องานสอนและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ทางด้านจิตใจก็ถูกพัฒนาขึ้น มีจิตใจที่สงบ เอิบอิ่มและเป็นสุข อีกทั้งความมีเมตตา ความรับผิดชอบ ความมีเหตุมีผล ก็เกิดขึ้นจริงตามที่พระอาจารย์หลวงพ่อได้เมตตาอธิบายไว้
ซึ่งผลของการปฏิบัติสมาธิที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนกับตัวของดิฉัน ทำให้ครอบครัวและบุคคลใกล้ชิดได้เห็นและเกิดศรัทธาในการทำสมาธิตามแนวทางของพระอาจารย์หลวงพ่อ โดยคุณพ่อที่ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกมาร่วม 17 ปี ดิฉันได้แนะนำให้ท่านทำวิทิสาสมาธิ คือ ทำสมาธิวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ทำให้ท่านมีสติที่ดีขึ้นมาก และในวาระสุดท้ายของชีวิต ท่านก็ได้จากไปอย่างมีสติและสงบอย่างที่สุด คุณแม่มุ่งมั่นเรียนครูสมาธิรุ่น 44 จนสำเร็จและปฏิบัติสมาธิอย่างต่อเนื่อง พี่สาวและหลานชายก็สนใจและเริ่มฝึกทำสมาธิ อีกทั้งเพื่อนร่วมงานบางท่านก็เริ่มฝึกปฏิบัติสมาธิตามคำแนะนำ ดิฉันมีความยินดีทุกครั้งที่มีโอกาสได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้อื่นได้รับทราบเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการทำสมาธิ และหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ท่านทั้งหลายได้สนใจและฝึกปฏิบัติสมาธิ เพื่อประโยชน์แห่งตน เพื่อความเจริญก้าวหน้าและสันติสุขของประเทศชาติและสังคมโลกยิ่งขึ้นต่อไป
ชีวิตที่เหลือนับจากนี้ ดิฉันขอน้อมปฏิบัติสัมมาสมาธิตามแนวทางของพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร เพื่อเป็นเครื่องอยู่ เพื่อเป็นสิ่งมีค่าอันประเสริฐยิ่งของชีวิต ตราบสิ้นลมหายใจ “กราบนมัสการพระอาจารย์ ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง อายุยืน 120 ปี สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ”
โดยหลักสูตรการเรียนสมาธิของหลวงพ่อวิริยังค์ มุ่งเน้นการเรียนภาคทฤษฎีและฝึกภาคปฏิบัติอย่างถูกวิธี มีหลักการชัดเจน เป็นสัมมาสมาธิที่ปฏิบัติแต่พอดี ไม่มากไปและไม่น้อยเกินไป เพียงครั้งละ 30 นาทีต่อวัน โดยมีครูบาอาจารย์คอยกำกับดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด หลวงพ่อวิริยังค์ได้อธิบายถึงประโยชน์ของการฝึกสมาธิทั้งหมด 12 ข้อคือ
1.ทำให้หลับสบายคลายกังวล 2.กำจัดโรคภัยไข้เจ็บได้หลายโรค 3.ทำให้สมองและปัญญาดี 4.ทำให้รอบคอบก่อนทำงานและตัดสินใจ 5.ช่วยระงับความร้ายกาจฉุนเฉียว 6.บรรเทาความเครียด 7.ทำให้เกิดความสุขพิเศษ 8.ทำให้จิตใจอ่อนโยน 9.ทำให้กลับใจได้ 10.เวลาสิ้นลมจะพบทางดี 11.เจริญวาสนาบารมีบุญ 12.เป็นกุศลแก่ชีวิต
เป็นอย่างไรกันบ้าง เชื่อว่าหลายท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวนี้ จะต้องสนใจและอยากเรียนรู้การทำสมาธิซึ่งมีคุณวิเศษกับชีวิตมหาศาล สามารถติดต่อและสอบถามได้ทาง เฟซบุ๊ก สถาบันพลังจิตตานุภาพ 177 วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ ม.ธรรมศาสตร์ อีเมล tuwillpower@gmail.com
0 ความคิดเห็น